Wednesday, November 4, 2009

20 คุณลักษณ์สู่ชีวิตแห่งความสำเร็จ

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
11. ตั้งจิตมั่น ขอให้จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งซึ่งคุณหมายมุ่งที่จะทำให้สำเร็จในชีวิตนี้ และจงใส่ใจต่อทุกคนที่คุณเสวนาด้วยอย่างสุดจิตสุดใจ
12. มารยาทงาม จงแสดงออกถึงมารยาทที่ดี แม้ผู้คนรอบข้างคุณอาจจะไม่ทำเช่นนั้นก็ตาม

13. ความสุภาพอ่อนน้อม ในชีวิตเราความอ่อนน้อมที่เป็นเสน่ห์กับความเคารพนับถือนั้นมีมาเนิ่นนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหมือนโรคติดต่อ คือเมื่อมีคนเห็นการปฏิบัติของคุณ พวกเขาก็จะหันมาแสดงความสุภาพอ่อนน้อมเองโดยไม่ต้องบอก จงแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น และมอบความมีมารยาทแก่พวกเขา อย่าขัดจังหวะใครในขณะที่พวกเขาพูด และอย่าครอบงำการสนทนาของใคร

14. ปัญญาญาณ จงสร้างสิ่งดีๆจากปัญญาญาณในตัวคุณ รู้จักทำความเข้าใจกับคุณลักษณ์ด้านในของเพื่อนมนุษย์ และเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่อาจจะแตกต่างไปจากสิ่งที่เราคุ้นเคย

15. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตา ความอ่อนโยน และความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สมควรจะได้รับสิ่งเหล่านี้ จงเรียนรู้ที่จะยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ช่วยเหลืออะไรคุณเลยก็ตาม

16. ความเห็นอกเห็นใจ จงตระหนักว่า ผู้คนแต่ละคนล้วนมีความแตกต่าง และอาจมีค่านิยม และความเชื่อที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่ตัวคุณยึดถือ จงทำความเข้าใจกับความรู้สึกและความคิดคำนึงของผู้อื่นโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องบอกหรือย้ำเตือนเรา

17.เอาใจเขามาใส่ใจเรา จงร่วมแบ่งปันความรู้สึกของผู้อื่น และทำความเข้าใจกับห้วงอารมณ์ที่ใครคนนั้นต้องเผชิญ คือจงเอาใจเขามาใส่ใจเรา

18. ความกรุณา เมื่อมีคนตกอยู่ในห้วงทุกข์ จงยื่นมือออกไปช่วยให้ทุกข์ของพวกเขาบรรเทาเบาคลาย ด้วยความสนอกสนใจอย่างแท้จริง

19. ถือประโยชน์ท่านเป็นที่ตั้ง จงนึกถึงผู้อื่นก่อนนึกถึงตนเองเสมอ ปฏิบัติสิ่งดีๆต่อผู้อื่นโดยไม่คาดหวังว่าจะต้องได้รับอะไรตอบแทน
20. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จงใช้ชีวิตอย่างคนมีน้ำใจ คือรู้จักการให้ ไม่ว่าจะเป็น เวลา เงินทอง หรือสติปัญญา และรู้จักแบ่งปันสิ่งต่างๆกับผู้อื่น จนพวกเขาสามารถสัมผัสถึงความเบิกบานใจและประจักษ์ถึงการเผชิญชีวิตอย่างแท้จริงด้วยตัวของเขาเอง

นี่คือคุณลักษณ์ที่ผมคิดว่าจะช่วยนำพาใครคนหนึ่งไปสู่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้ ถ้าจะกล่าวกันจริงๆแนวความคิดของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปตามวิถีที่ควรจะเป็น สำหรับคุณล่ะ อะไรคือคุณลักษณ์ที่คุณใช้สำหรับนิยามชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

บุหงาหิมาลัย
แปลจาก “20 Qualities for a Successful Life”โดย David B. Bohl
เผยแพร่ใน http://www.dumblittleman.com/2008/01/20-qualities-for%20-%20successful%20-life.html
สงวนลิขสิทธิ์ในการทำซ้ำเพื่อจุดมุ่งหมายทางธุรกิจ

คุณประโยชน์ 10 ประการของการอ่าน

  1. การอ่านเป็นกระบวนการทางจิตใจที่ทรงพลัง การอ่านต่างจากการนั่งอยู่หน้ากล่องสี่เหลี่ยมเบาปัญญา(ทีวี ) เพราะการอ่านทำให้คุณได้ใช้สมอง ระหว่างที่อ่านหนังสือคุณจะถูกผลักดันให้ค้นหาเหตุผลให้กับสรรพสิ่งที่คุณไม่คุ้นเคย ภายใต้กระบวนการนี้คุณจะต้องใช้กลุ่มเซลล์สีเทาในสมองในการใช้ความคิดซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มพูนสติปัญญา
  2. การอ่านช่วยให้คุณพัฒนาวงคำศัพท์ ยังจำได้ไหมในตอนเรียนชั้นประถม ตอนที่คุณเรียนรู้การเชื่อมโยงความหมายของศัพท์แต่ละคำโดยการอ่านบริบทของศัพท์อื่นๆในประโยคเดิม คุณก็จะได้ประโยชน์เช่นเดียวกันจากการอ่านหนังสือ ระหว่างอ่านหนังสือ โดยเฉพาะเล่มที่มีความท้าทาย คุณจะพบว่าคุณมีโอกาสได้เรียนรู้กับศัพท์ใหม่ๆจำนวนมากซึ่งไม่อาจพบได้จากวิธีอื่น
  3. การอ่านช่วยให้คุณมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาณาบริเวณอื่นๆในโลก คุณจะรู้จักชีวิตของผู้คนในเม็กซิโกได้อย่างไร ถ้าคุณไม่ได้อ่านเรื่องราวของเขาเหล่านั้น การอ่านช่วยให้คุณเกิดความเข้าใจในความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตของพวกเขา ฯลฯ คุณจะมีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความแตกต่างของภูมิประเทศต่างๆและวิถีปฏิบัติของผู้คนในพื้นที่เหล่านั้น
  4. การอ่านช่วยพัฒนาการสร้างสมาธิและรวมศูนย์ความคิด ในการอ่านอย่างต่อเนื่องนานๆ เราจำเป็นต้องพุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เราอ่าน การอ่านหนังสือต่างจากการอ่านข้อความในนิตยสารหรือข้อความสั้นๆหรือจดหมายอิเล็กทรอนิคในอินเทอร์เน็ทซึ่งมักจะมีข้อมูลที่มีขนาดเล็ก แต่หนังสือจะบอกเรื่องราวแก่คุณ เนื่องจากคุณต้องรวบรวมสมาธิในการอ่าน ซึ่งก็เหมือนๆกับการใช้กล้ามเนื้อนั่นเอง คือคุณจะมีสมาธิที่ดีขึ้น
  5. การอ่านเป็นการสร้างคุณค่าให้ตนเอง ยิ่งอ่านมากคุณก็ยิ่งมีความรู้ เมื่อมีความรู้มากขึ้น คุณก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ความมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มพูนขึ้น ก็สร้างคุณค่าของตนเองให้แก่คุณ นี่คือปฏิกิริยาลูกโซ่ เนื่องจากคุณอ่านหนังสือได้ดี ผู้คนก็จะคอยถามหาคำตอบจากคุณ ความรู้สึกที่คุณมีต่อตนเองก็ย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน
  6. การอ่านช่วยให้ความจำดีขึ้น มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า ถ้าคุณไม่ใช้ความจำที่มีอยู่ คุณก็จะสูญเสียมันไป การเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้เป็นตัวอย่างหนึ่งของเกมการเล่นกับถ้อยคำที่ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ แม้การอ่านจะไม่ใช่เกมแต่มันก็สามารถช่วยให้คุณได้บริหารกล้ามเนื้อสมองได้ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน การอ่านทำให้เราต้องจดจำรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งข้อเท็จจริง และค่าตัวเลขต่างๆ และในการอ่านวรรณกรรม เราก็ต้องจดจำ เค้าโครงเรื่อง เนื้อหาสาระหลักตลอดจนตัวละครต่างๆ
  7. การอ่านช่วยให้คุณมีระเบียบวินัยมากขึ้น การจัดสรรเวลาสำหรับการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้ว่าเราควรทำ แต่ใครล่ะจะจัดตารางเวลาเพื่อการอ่านไว้ทุกวัน น้อยมาก...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเพิ่มการอ่านหนังสือเข้ามาในตารางกิจกรรมประจำวัน และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจึงสามารถเสริมสร้างระเบียบวินัยได้
  8. การอ่านช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การอ่านเรื่องราวของความหลากหลายแห่งชีวิต และการเข้าไปสัมผัสกับแนวคิดใหม่ๆและข้อมูลที่เพิ่มพูนขึ้นจะช่วยให้คุณได้พัฒนาสมองซีกที่ดูแลเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะไปช่วยจุดประกายแห่งการสร้างนวตกรรมขึ้นในกระบวนการใช้ความคิดของคุณ
  9. การอ่านช่วยให้คุณจะมีอะไรบางอย่างไว้พูดถึงเสมอ เคยบ้างไหมที่รู้สึกว่าตัวเองมีความรู้สึกอึดอัดที่ไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไร เคยรู้สึกเกลียดตัวเองไหมที่ทำให้ตัวเองเสียหน้า คุณต้องการแก้ไขปัญหาแบบนี้ไหม ไม่ยากเลย เพียงคุณเริ่มอ่านหนังสือเท่านั้น การอ่านจะช่วยขยายอาณาบริเวณแห่งข้อมูลของคุณ คุณจะมีอะไรให้พูดถึงเสมอ เช่น คุณสามารถจะพูดคุยถึงโครงเรื่องในนวนิยายหลายเล่มที่คุณอ่าน คุณสามารถอภิปรายถึงสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้จากหนังสือด้านธุรกิจต่างๆที่คุณกำลังอ่านอยู่ ความเป็นไปได้ในการแบ่งปันเรื่องราวกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีขีดจำกัดอีกต่อไป
  10. การอ่านช่วยบรรเทาความเบื่อหน่าย กฏข้อหนึ่งในหลายข้อที่ผมถือก็คือ ถ้าเริ่มรู้สึกเบื่อ ผมจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน สิ่งที่ผมค้นพบจากการจริงจังกับกฏข้อนี้ก็คือ ผมจะเกิดความสนใจในเรื่องราวของหนังสือแล้วหลุดจากความรู้สึกเบื่อหน่ายไปเลย ผมหมายถึงว่า ถ้าคุณเกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมาบ้าง คุณก็คงจะหันมาอ่านหนังสือเหมือนกัน ใช่ไหม

“บุหงาหิมาลัย” แปลจาก“Ten Benefits of Reading” โดย Divya
เผยแพร่ใน www.inewsindia.com
สงวนลิขสิทธิ์ในการทำซ้ำเพื่อจุดมุ่งหมายทางธุรกิจ